ยักษ์วัดโพธิ์ เป็นยักษ์จีนจริงหรือไม่ ?
“ยักษ์วัดแจ้ง มาเกิดกำแหงโมโห ร้องด่าเจ้ายักษ์ตาโต
เจ้าอยู่วัดโพธิ์อย่ามาทำอวดดี
อย่าอวดเป็นยักษ์เมืองหลวง มาทำหลอกลวงยักษ์ธนบุรี
ยืมเงินแล้วก็ไม่ใช้ เอ๊ย ยืมเงินแล้วก็ไม่ใช้ เอ๊ะ ยักษ์อะไรเกะกะสิ้นดี
เก่งจริงก็ข้ามเจ้าพระยา เก่งจริงก็เหาะข้ามมา
รบกันดีกว่าหละให้มันสิ้นคดี
เอ้า ทุย ป๊ะตุ้มทุย ป๊ะตุ้มทุย ทุย ทุย ทุย ทุย เฮ้ย...”
เพลงสปอตจากภาพยนตร์เรื่อง “
ท่าเตียน” เมื่อปี พ.ศ. 2516 เป็นภาพยนตร์แนวแฟนตาซี ที่ถ่ายทำโดยใช้เทคนิคแบบเดียวกับภาพยนตร์เรื่องก๊อตซิลล่า
(เวอร์ชั่น 1954 – 2004)ของประเทศญี่ปุ่นซึ่งถือว่าเป็นเทคนิคที่ทันสมัยมากในช่วงนั้น
มีเนื้อหาดัดแปลงมาจากตำนานกำเนิดท่าเตียนเนื่องมาจากการสู้กันระหว่าง “ยักษ์วัดแจ้ง”
กับ “ยักษ์วัดโพธิ์” และเป็นภาพยนตร์ที่ทำให้ผู้คนในสังคมจดจำภาพอันเป็นเอกลักษณ์ของยักษ์ทั้งสอง
โปสเตอร์ภาพยนตร์เรื่องท่าเตียน พ.ศ. 2516
ในมุมมองทั่วไป ภาพของยักษ์วัดแจ้ง
เป็นยักษ์ที่มีลักษณะการแต่งกายแบบโขนไทย สูงใหญ่ กายสีเขียว ถือกระบอง
แตกต่างกับยักษ์วัดโพธิ์ ที่มีลักษณะการแต่งกายแบบนักรบชาวจีน ถือง้าวเป็นอาวุธ นั่นคือภาพที่คนในสังคมส่วนใหญ่เข้าใจกันในเรื่องรูปร่างลักษณะของยักษ์ทั้งสองที่ทำหน้าที่เฝ้าประตูวัด
แต่ในความเป็นจริงยักษ์ที่ทำหน้าที่เฝ้าหน้าประตูให้กับวัด ทั้งวัดแจ้งและวัดโพธิ์
ล้วนเป็นยักษ์ที่มีรูปแบบศิลปะไทยกันทั้งคู่ แน่นอนว่ายักษ์วัดโพธิ์เองก็คือยักษ์ไทยเช่นกัน
แล้วยักษ์ที่แต่งกายเป็นนักรบจีนไม่ใช่ยักษ์วัดโพธิ์หรือ
ถ้ายักษ์วัดโพธิ์เป็นยักษ์ไทยแล้วรูปปั้นยักษ์อยู่ตรงส่วนไหนของวัด ?
ในวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามหรือที่รู้จักกันในชื่อวัดโพธิ์ มีสิ่งหนึ่งที่โดดเด่นไม่แพ้แผ่นจารึกตามพนังวัด
หรือรูปปั้นฤษีดัดตน คือบรรดาตุ๊กตาปูนปั้น รูปสลักหิน แต่งกายแบบอุปรากรของจีน และมีขนาดที่แตกต่างกันไป
จัดวางอยู่ภายในบริเวณวัด เขามอ โดยเฉพาะตรงซุ้มประตูต่างๆ ซึ่งมีขนาดที่ใหญ่กว่าตุ๊กตาจีนทั่วไป
นั่นจึงเป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวหรือคนทั่วไปที่มาเยือนคิดว่าเป็นยักษ์ที่คอยทำหน้าที่เฝ้าประตูแบบเดียวกับวัดแจ้ง
หรือวัดพระแก้ว แต่แท้ที่จริงแล้ว
รูปปั้นนักรบจีนสูงใหญ่ที่ตั้งตระหง่านข้างๆซุ้มประตู คือตุ๊กตาอับเฉาที่เอาไว้ใช้ถ่วงน้ำหนักเรือสำเภา
ขนส่งสินค้าเข้ามาขายในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น
ตุ๊กตาอับเฉาเรือสำเภา
โดยลักษณะของตัวตุ๊กตาอับเฉาที่ตั้งข้างซุ้มประตูก็จะแตกต่างกันไป
บางแห่งก็แต่งกายในชุดนักรบไว้หนวดยาวถือทวน ถือง้าว หรือถือกระบองเป็นอาวุธ
(ขุนนางจีนฝ่ายบู๊) ยืนขนาบอยู่ข้างประตูอยู่เป็นคู่ (ซ้าย-ขวา) หรือบางซุ้มประตูก็แต่งกายในชุดแบบชาวตะวันตกประสานมือวางบนไม้เท้า
ซึ่งตุ๊กตาเหล่านี้สะท้อนให้เห็นการเข้ามาของชาวต่างชาติในสยาม
ที่สะท้อนผ่านเครื่องแต่งกายของตุ๊กตาอับเฉา
ดังนั้นรูปปั้นที่ตั้งตระหง่านอยู่ข้างประตูต่างๆ ในวัดจึงไม่ใช่ยักษ์วัดโพธิ์!
ในส่วนรูปปั้นยักษ์วัดโพธิ์ตัวจริงนั้น
อยู่ที่ซุ้มประตูของพระมณฑปหรือหอไตรจตุรมุข
มีสองประตูอยู่ตรงข้ามกับสวนมิสกวัน และตรงข้ามกับสระจรเข้ ซึ่งปัจจุบันมีขนาดเล็กกว่ายักษ์วัดแจ้ง
อยู่ภายในช่องทั้งสองข้างของประตูปิดกระจก (สูงประมาณ 175 ซ.ม) โดยยักษ์ที่ทำหน้าที่เป็นนายทวารบาลเฝ้าหน้าพระมณฑปเป็นตัวละครที่มาจากวรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์
มีอยู่ด้วยกัน 4 ตน ได้แก่ แสงอาทิตย์ (รูปกายสีแดง) พญาขร (รูปกายสีเขียว)
ไมยราพณ์ (รูปกายสีม่วง) และ สัทธาสูร (รูปกายสีส้มอิฐ)
ซุ้มประตูของพระมณฑปหรือหอไตรจตุรมุข
แสงอาทิตย์ (รูปกายสีแดง) ไมยราพณ์ (รูปกายสีม่วง) พญาขร (รูปกายสีเขียว) และ สัทธาสูร (รูปกายสีส้มอิฐ)
แน่นอนว่ายักษ์เฝ้าประตูที่วัดอรุณราชวรารามหรือวัดแจ้ง
ทั้ง 2 ตนเองก็มาจากเรื่องรามเกียรติ์ คือ ทศกัณฑ์
(รูปกายสีเขียว) กับ สหัสเดชะ (รูปกายสีขาว) นั้นจึงเป็นข้อสงสัยว่าในตำนาน
เหตุใดยักษ์ที่ทำหน้าที่เฝ้าประตูของวัดทั้งสองจึงได้ทะเลาะกันทั้งๆที่เป็นยักษ์มาจากวรรณคดีเรื่องเดียวกัน
แต่นั้นก็เป็นเพียงตำนานที่เล่ากันไปในสังคมที่ทำให้ทราบถึงที่มาของสถานที่นั้นๆ
(แม้ว่าจะไม่มีอะไรมายืนยันว่าเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า? )
ทศกัณฑ์ (รูปกายสีเขียว) กับ สหัสเดชะ (รูปกายสีขาว) ตรงบริเวณซุ้มประตูทางเข้าวัดอรุณฯ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น