เป-โต เป็นหนึ่งในเรื่องสั้นทั้ง ๑๗ เรื่อง
ในหนังสือร่วมเรื่องสั้น “ฟ้าบ่กั้น”
ตีพิมพ์ครั้งแรกในนิตยสาร วิทยาสารปริทัศน์ พ.ศ.๒๕๑๔ ปรากฏใน “ฟ้าบ่กั้น” พิมพ์ครั้งที่ ๕ สำนักพิมพ์ดวงกลม พ.ศ. ๒๕๒๒ “ฟ้าบ่กั้น” เป็นหนังสือที่รวมผลงานเรื่องสั้นที่ดีที่สุดของ
“คำสิงห์ ศรีนอก” หรือนามปากกา “ลาว คำหอม” ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ในปี พ.ศ. ๒๕๓๔ มีเนื้อหาสะท้อนให้เห็นการเปลี่ยนแปลงทางสังคม
ในช่วงดังกล่าวเป็นช่วงที่ประเทศไทยได้รับอิทธิพลจากอเมริกันในการเข้ามามีบทบาทพัฒนาประเทศและชนบท
ซึ่งส่งผลต่อความคิดและวิธีการที่ดูขัดกันกับวิถีชีวิตที่เคยเป็นมาในชนบท
จึงถือได้ว่า “ฟ้าบ่กั้น”
เป็นเรื่องสั้นที่บันทึกเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของไทยในสมัย ๒๕๐๐
ออกมาเป็นเรื่องราวที่มีความสมจริงความขบขันของคนในชนบทและแฝงด้วยความสะเทือนใจให้แก่ผู้อ่าน
อีกทั้งยังแสดงให้เห็นถึงคติ ความเชื่อที่มีในสังคมเช่นเดียวกับเรื่องสั้นที่จะกล่าวต่อไปนี้
เรื่องสั้นเรื่อง
“เป-โต”
เป็นเรื่องสั้นลำดับที่ ๑๕ ในร่วมเรื่องสั้น “ฟ้าบ่กั้น”
กล่าวถึงเรื่องราวของตัวเอกในเรื่อง(ซึ่งเป็นผู้เล่าเรื่อง) บอกเล่าถึงเมื่อครั้งไปเยี่ยมเพื่อนที่บ้านพักตากอากาศแถวฝั่งชลบุรี
แต่ขากลับเกิดพายุฟ้าคะนองเสียก่อน จึงจอดรถที่ขับมาตรงขอบถนน
เนื่องจากฟ้าที่ตกหนักทำให้รถที่ขับมาสตาร์ทไม่ติดจากละอองฝนที่สาดเข้ามาในหัวเทียนรถ
นั้นจึงทำให้เขาพยายามโบกรถที่แล่นไป-มาขอความช่วยเหลือแต่ก็ไม่มีรถสักคันที่จะจอดให้การช่วยเหลือ
ผลสุดท้ายเขาจงจำใจเดินเท้าไปที่ปั่มน้ำมันซึ่งอยู่ห่างออกไปจากบริเวณที่เขาอยู่
เมื่อเดินมาถึงเขาเข้าไปในร้านกาแฟและข้าวแกงเพื่อแวะพัก
นั้นจึงทำให้เขาทราบถึงสาเหตุที่รถคันอื่นๆไม่จอดให้การช่วยเหลือจากปากเพื่อนของเขาที่บังเอิญเจอกันในร้าน
ว่าบนรถที่เขาขับมามีคนและพระนั่งอยู่ภายในรถ
ซ้ำยังได้รับรู้เรื่องราวว่าพระที่นั่งอยู่ภายในรถของเขานั้น คือเปรตพระจากคำบอกเล่าของชายชราเจ้าของร้านที่เป็นคนในพื้นที่
แต่ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นคนไม่คอยเชิ่อกับเรื่องที่ฟังสักเท่าไรนัก จนกระทั้งเขาเดินออกมาจากร้านเพื่อกลับไปที่รถ
เมื่อมาถึงเขาได้พบกับชายคนหนึ่งที่มายืนมุมดูรถข้างกันมีพระสงฆ์รูปหนึ่งยืนอยู่ด้วยกัน
นั้นทำให้เขารู้สึกประหลาดใจซึ่งมันทำให้นึกถึงเรื่องที่เล่ากันในร้าน
ชายคนดังกล่าวที่อยู่ในบริเวณนั้นจึงถามเขาถึงเรื่องรถและแนะนำให้ลองสตาร์ทรถอีกที่
เขาจึงทำตามคำคำแนะนำ และเมื่อมันได้ผล รถกลับมาสตาร์ทติดอีกครั้ง
ชายที่แนะนำเขาจึงขอร้องให้เขาฝากไปส่งพระสงฆ์รูปดังกล่าวกลับวัดเพราะรถของชายที่ขอร้องนั้นยางแบน
เขาจึงขับรถพาพระไปส่งแต่ในความคิดของเขายังอดคิดถึงเรื่องเปรตพระที่ฟังไม่ได้
จนเมื่อมาถึงวัดเขาจึงได้ถามพระรูปนั้นเกี่ยวกับเรื่องเปรตก่อนที่พระสงฆ์รูปนั้นจะลงจากรถและทิ้งท้ายให้เขารู้สึกผิดที่คิดอกุศลเช่นนั้น
หากดูจากตัวเรื่องแล้วจะเห็นได้ว่า
เรื่อง “เป-โต”
นั้นสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อเกี่ยวกับเรื่อง “ผีเปรต” ตามคติชนคนไทยที่นับถือศาสนาพุทธที่สะท้อนออกมาในรูปแบบ
“คติความเชื่อแบบมุขปาฐะ”
เห็นได้จากการเล่าเรื่องของชายชราเจ้าของร้านกาแฟข้าวแกงกับตัวเอกของเรื่อง
ซึ่งแสดงให้เห็นว่าชายชราคนดังกล่าวในเรื่อง มีความเชื่อเรื่องสิ่งลิลับ ภูต ผี
ปีศาจ อย่างเรื่องเปรตพระ จุดที่น่าสนในเรื่องคือพระที่ชายชรากล่าวถึงให้ตัวเอกฟังนั้นว่า
เมื่อมรณะภาพกลายเป็นเปรตอยู่บนสะพานริมถนนทั้งๆ
ที่พระที่ชายชราเล่าเป็นที่เคารพนับถือของผู้คนในท้องถิ่น
ได้รับเงินปัจจัยจากการเทศน์และมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่ นั้นจึงเกิดคำถามว่าพระสงฆ์แม้จะอยู่ในร่มโพธิ์พุทธศาสนาแต่สามารถจะกลายเป็นเปรตที่เป็นสัญลักษณ์การทำบาป
ข้อสงสัยดังกล่าวกระจ่างขึ้นจากบทสนทนาระหว่างผู้เล่าเรื่องหรือตัวเอกของเรื่องกับพระสงฆ์ที่อาศัยรถกลับวัด
เกี่ยวกับเรื่องเปรต ดังนี้
“อาจารย์ครับ”
ผมพูดขึ้นเมื่อจอดรถสนิท
“เจริญพร”
“เปรตมีไหมครับ?”
ท่านเอื้อมมือจะเปิดประตู
แต่เมื่อได้ยินคำถามจึงหดมือกลับและกล่าวตอบเสียงเรียบ
“ถ้าเชื่อว่ามี
มันก็มี”
“ท่านเชื่อไหมครับ?”
“อาตมาไม่เคยเห็น”
“แล้วท่านคิดยังไง
คิดว่ามีไหม?”
อาจารย์อ้ำอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง
“คัมภีร์ทางศาสนาก็มีกล่าวถึงอยู่เหมือนกัน
เป็นพวกที่กำลังรับวิบาก”
“อะไรครับ
วิบาก?”
“ผลจากกรรมชั่ว”
“จำพวกไหนบ้างครับ?”
“พวกที่เบียดเบียนพระและวัดวาอาราม
ส่วนมากเป็นพวกหากินกับวัด ประเภทไวยาวัจกรหรือมรรคนายก
แล้วเบียดบังกินเศษกินเลยกับพระและสมบัติของศาสนา”
“พระเป็นเปรตได้ไหม?”
“ได้
ยิ่งเป็นได้ง่าย พวกบวชหาลาภยศ ขายสวรรค์นิพาน ตะกรุด ของขลัง หลอกต้มชาวบ้าน ล้วนเป็นเปรตทั้งนั้นแหละโยม”
เป-โต: ฟ้าบ่กั้น
นั้นจึงเป็นสิ่งที่แสดงแสดงให้เห็นถึงคำตอบทางความเชื่อของพุทธศาสนาจากบทสนทนาที่ยกมาข้างต้นนั้น
โดยคติความเชื่อดังกล่าวล้วนมาจากพุทธศาสนาที่เน้นสื่อถึงผลแห่งการกระทำหรือกรรม
ไม่ว่าจะด้านกาย วาจา ใจ ตั้งใจและไม่ตั้งใจ ก็ล้วนส่งผลทางด้านจิตใจ
ซึ่งอาจเป็นทั้งความทุกข์และความสุข ดั่งเช่น
ความรู้สึกของตัวเอกในเรื่องที่รู้สึกผิดต่อพระสงฆ์ที่เขาขับรถมาส่งถึงวัดโดยคิดว่าพระรูปดังกล่าวนั้นจะเป็นผีเปรตที่ชายชราเจ้าของร้านเล่าให้ฟัง
จากคติความเชื่อในเรื่อง “เป-โต”
แสดงให้เห็นว่า คติความเชื่อไม่ว่าจะในสิ่งที่เหนือธรรมชาติ
หรือในทางศาสนาก็ล้วนเป็นสิ่งที่อยู่ควบคู่ในสังคม ไม่ว่าจะมีการพัฒนาแล้วก็ตาม
ความเชื่อเรื่องศาสนาผีก็ยังคงมีหน้าที่ทำให้ศาสนาเด่นชัด ดังเช่นเรื่อง เปรตพระ
เป็นต้น



ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น